วัดพระธาตุลำปางหลวง โดย คุณ moofight ถ่ายราวๆปี 2551 ภาพจาก http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=25898

Sunday, December 14, 2008

ป้ายสะพานรัษฎาประสบอุบัติเหตุ!!!


ภาพถ่ายป้ายสะพานฝั่งตลาดรัษฎา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2551



ภาพถ่ายป้ายสะพานฝั่งตลาดรัษฎา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2551



ภาพถ่ายป้ายสะพานฝั่งกาดกองต้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2551

สะพานรัษฎาภิเศก
จะมีอายุครบ 92 ปีในเดือนมีนาคมปีหน้า ดำรงอยู่ในความไม่ปลอดภัยมาโดยตลอด ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมามานี้ ถูกรถบรรทุกชนจนคานสะพานหักมาบ้าง ป้ายสะพานพังไปบ้าง

ล่าสุดเราสามารถเก็บภาพป้ายสะพานรัษฎาภิเศก ฝั่งตลาดรัษฎาที่มีลักษณะคล้ายถูกชนจนป้ายด้านซ้ายบิ่นร้าวจนเกือบแตกหักลงมากลางสะพาน คาดว่าน่าจะประสบเหตุอย่างช้าคือ วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2551 เนื่องจากผู้สื่อข่าว on Lampang ผ่านไปเห็นสภาพดังกล่าวตั้งแต่นั้นมา

จนล่าสุดก็ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข เช่นเดียวกับป้ายบอกระยะความสูงสะพาน "3 เมตร" ฝั่งกาดกองต้า ที่น่าจะถูกเฉี่ยวชนเช่นกัน

อนึ่งเราจะสังเกตเห็น หมุดกันสะพานที่มีลักษณะคล้ายก้นปืนใหญ่บริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่ง จะพบว่าบางอันถูกชนแตกร้าวไปแล้ว

ชะตากรรมของสะพานรัษฎาภิเศกจะเป็นเช่นไร...
คงยากจะคาดเดาคำตอบ
...............
ข้อมูลสะพานรัษฎาภิเศกเพิ่มเติม
1.
9 ทศวรรษ สะพานรัษฎาภิเศก จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...
(ข้อมูลจาก เว็บบล็อก on Lampang โพสต์เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2550)
2.
020 สะพานรัษฎาภิเศก
(ภาพเก่าสะพานรัษฎาจาก เว็บบล็อก on Lampang picture โพสต์เมื่อ 13 ธันวาคม 2549)
3.
022 สะพานรัษฎาภิเศก
(ภาพเก่าสะพานรัษฎาจาก เว็บบล็อก on Lampang picture โพสต์เมื่อ 13 ธันวาคม 2549)
4.
สะพานรัษฎาภิเศก
(ข้อมูลจาก เว็บไซต์เที่ยวเมืองไทย)
5.
สะพานรัษฎาภิเศก
(ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)
6.
2 งานสถาปัตยกรรมนครลำปาง สู่ การประกวดระดับชาติ
(ข้อมูลจาก เว็บบล็อก on Lampang โพสต์เมื่อ 2 พฤษภาคม 2550)
7.
ประวัติสะพานรัษฎาภิเศก
(ข้อมูลจาก เว็บศูนย์ภูมิปัญญาท้องถิ่น โรงเรียนเทศบาล 4 (บ้านเชียงราย) จ.ลำปาง โดย อ้างอิงแหล่งค้นคว้าจาก ร้านหงวนชุน เชิงสะพานรัษฎาภิเศก ฝั่งกาดกองต้า)


ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

อาทิตย์ 14
ธันวา 51

Saturday, December 13, 2008

"หลากรสเรื่องลำปาง" รวม บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : ชุดที่1

"หลากรสเรื่องลำปาง"รวม บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : ชุดที่1

หลังจากที่ได้รับความอนุเคราะห์บทความเกี่ยวกับลำปางมาจาก อาจารย์ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น แห่ง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์ลำปาง ซึ่งส่วนใหญ่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ชื่อว่า ลำปางนิวส์ บรรณาธิการเว็บบล็อกได้ทำการคัดสรรบทความจำนวนหนึ่งที่เป็นเรื่องเล่าและเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และใช้ในชื่อชุดว่า'"หลากรสเรื่องลำปาง"รวม บทความจากอาจารย์ไพโรจน์' ซึ่งในที่นี้มีทั้งหมด 10 บทความดังนี้

บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : ปริศนาแห่งคุ้มหลวง (1)
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : ปริศนาแห่งคุ้มหลวง (2)
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : วันพ่อเจ้าทิพย์ช้าง
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : “บุญเท่ง” ปู่สภา
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : เจ้าสัวแห่งลำปาง
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : “คึกฤทธิ์” เล่าชีวิตฝรั่ง
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : ก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : คนเมือง บ่อู้กำเมือง
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : 80 ปีสักเสริญ(ศักดิ์) รัตนชัย
บทความจากอาจารย์ไพโรจน์ : รถม้าคราหนึ่ง

ทั้งหมดรวมอยู่ในเว็บบล็อกที่ชื่อว่า http://olparticle.blogspot.com/

ซึ่งในอนาคตหากเป็นไปได้จะพยายามสรรหาบทความเกี่ยวกับลำปางจากท่านอื่นๆเพื่อเผยแพร่ ความรู้ไปสู่วงกว้างอันเป็นภารกิจสำคัญของพื้นที่สาธารณะ พื้นที่ของ on Lampang แห่งนี้ เพราะเราเชื่อว่า การก้าวไปข้างหน้านั้น ต้องไม่ใช่การเดินไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว
.............................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

เสาร์ 13
ธันวา 51

Friday, December 12, 2008

เชิญร่วมงานเปิดนิทรรศการจิตรกรรมล้านนาร่วมสมัย "ผสานศิลป์ สืบศรัทธา ล้านนางาม" ผลงานลูกลำปางแต่ไปดังเชียงใหม่


บัตรเชิญ "ผสานศิลป์ สืบศรัทธา ล้านนางาม"


บัตรเชิญ "ผสานศิลป์ สืบศรัทธา ล้านนางาม" ศรัณ สุวรรณโชติ(ซ้าย) วิทยา พลวิฑูรย์(ขวา)

เชิญร่วมงานเปิดนิทรรศการจิตรกรรมล้านนาร่วมสมัย
"ผสานศิลป์ สืบศรัทธา ล้านนางาม" (The Beauty of Lanna)
โดย
ศรัณ สุวรรณโชติ
วิทยา พลวิฑูรย์
(ลูกลำปาง)

ณ แจ่งเมือง แกลเลอรี เชียงใหม่
ในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2551 เวลา 19.00 น.
นิทรรศการเปิดให้ชมถึงวันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2552
(จันทร์-เสาร์ 8.00-18.00 น.)
สอบถามข้อูลเพิ่มเติมได้ที่ 053-814322
...............
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง


ศุกร์ 12
ธันวา 51

Friday, November 21, 2008

บทความใหม่ "แจ้ห่ม (แช่ห่ม) และชุมชนเขตที่ราบลุ่มน้ำแม่วังตอนบน : อีกมุมมองหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรมนครลำปาง" โดย อ.ชาญคณิต อาวรณ์


หน้าปก วารสารเมืองโบราณ ฉบับที่ 34.4 ตุลาคม-ธันวาคม 2551
ที่มา :
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=listarticles&secid=47

แนะนำบทความวิชาการเกี่ยวกับเรื่องลำปางเรื่องใหม่โดย อ.ชาญคณิต อาวรณ์ ลูกแจ้ห่มลำปางบ้านเฮา

"แจ้ห่ม (แช่ห่ม) และชุมชนเขตที่ราบลุ่มน้ำแม่วังตอนบน : อีกมุมมองหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรมนครลำปาง" ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารเมืองโบราณ ปี 2551 ฉบับที่ 34.4. ตุลาคม-ธันวาคม

อ.ชาญคณิต จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ ระดับปริญญาโทที่คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโยนกลำปาง ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

ก่อนหน้านี้ on Lampang : เปิดโลกลำปาง เคยแนะนำบทความของอ.ชาญคณิตไปแล้ว เป็นบทความที่ชื่อว่า "เจดีย์ร้างวัดอุโมงค์: ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมระหว่างเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนในงานศิลปกรรมนครลำปาง" ซึ่งตีพิมพ์ลงใน "วารสารวิจิตรศิลป์ ฉบับปฐมฤกษ์" ฉบับ พ.ศ. 2551 : วารสารวิชาการด้านศิลปะและวัฒนธรรมคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นับเป็นนักวิชาการสายเลือดลำปางรุ่นใหม่ที่ทยอยผลิตผลงานเกี่ยวลำปางออกสู่สาธารณะอันน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง หากสบโอกาสจะนำบทคัดย่อของบทความดังกล่าวมาเผยแพร่เพื่อความรู้สาธารณะต่อไป
...................................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง


ศุกร์ 21
พฤศจิกา 51

พิธีมอบรางวัล Award of Merit ของ ยูเนสโก แด่วัดปงสนุก


แขกทยอยเข้ามาทางบันไดนาคหน้าวัด จะสังเกตเห็นชาวบ้านชุมชนปงสนุกตั้งสำหรับข้าวแลงเลี้ยงรับรองผู้มาเยือน


วิหารพระเจ้าพันองค์ และพระธาตุศรีจอมไคลต้องแสงยามเย็น


ดร.นิมิตร จิวะสันติการ กล่าวต้อนรับผู้แทนจากยูเนสโก ในพิธีมอบรางวัลจากยูเนสโก 16 พฤศจิกายน 2551


การแสดงละครประยุกต์จากคณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ ในชื่อว่า "การแสดงละครฟ้อน เรื่อง เจ้าคัทธนกุมาร" ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารของวัดภูมินทร์จ.น่าน ที่ว่าด้วยเรื่องชาดกเจ้าคัทธนกุมาร


กลุ่มนักดนตรีจากคณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ บรรเลงขับกล่อมตั้งแต่หัววัน


ปล่อยโคมหลังจากเสร็จพิธี


วิหารพระเจ้าพันองค์และพระธาตุศรีจอมไคลยามต้องแสงไฟ

คำกล่าว

พิธีมอบรางวัล การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค
องค์การยูเนสโก ประจำปี 2551
Award of Merit
วัดปงสนุก
ณ วัดปงสนุก จังหวัดลำปาง
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา 16.00 น.


คำกล่าวโดย ดร.ริชาร์ด อิงเกิลฮาร์ท
ที่ปรึกษาอาวุโสผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ด้านวัฒนธรรมประจำองค์การยูเนสโก

กราบนมัสการ พระครูโสภิตขันตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดปงสนุก พระคุณเจ้าทุกรูป และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน นับเป็นโอกาสอันดีที่กระผมได้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล Award of Merit วัดปงสนุกในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ขององค์การยูเนสโก ประจำปี 2551

ในนามขององค์การยูเนสโก กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้นำรางวัลอันทรงเกียรตินี้มามอบให้แก่ทางวัดและคณะทำงาน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน และทางจังหวัดลำปาง

ทุกท่านคงทราบว่ารางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคขององค์การยูเนสโก มีจุดประสงค์เพื่อยกย่องให้ภาคเอกชน ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์อาคารและสิ่งก่อสร้างที่เป็นมรดกอันทรงคุณค่าในภูมิภาค องค์การยูเนสโกเชื่อมั่นว่าในการยกย่องประชาชนและภาคเอกชนในการบูรณปฏิสังขรณ์หรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาคารและสิ่งก่อสร้าง ด้วยแรงผลักดันจากประวัติศาสตร์และให้เจ้าของอาคารอื่นๆได้เริ่มดำเนินโครงการอนุรักษ์ภายในชุมชนของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยตัวบุคคล หรือการแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

เก้าปีนับตั้งแต่ดำเนินโครงการมา การประกวดเพื่อชิงรางวัลเป็นไปอย่างเข้มข้น มีโครงการอนุรักษ์เข้าร่วมประกวดรวมทั้งสิ้น 311 โครงการจาก 23 ประเทศ ในจำนวนนี้ 112 โครงการได้รับการยกย่องจากยูเนสโกในด้านการอนุรักษ์ ในปีพ.ศ.2551 นี้ มีโครงการอนุรักษ์เข้าประกวดถึง 45 โครงการจาก 13 ประเทศ

โครงการอนุรักษ์ที่ได้รับรางวัลล้วนแต่ก่อให้เกิดผลต่อการอนุรักษ์โดยทั่วไป โดยเฉพาะระดับประเทศ หลายโครงการประสบผลสำเร็จจนสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการอนุรักษ์ขึ้น ขณะที่หลายโครงการแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ทางการเมืองในการอนุรักษ์อาคารอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ที่สำคัญที่สุด โครงการซึ่งได้รับรางวัลยังเป็นเครื่องยืนยันแนวความคิดว่า การอนุรักษ์ควรเป็นความรับมือร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแต่เพียงฝ่ายเดียว

ก่อนหน้านี้ องค์การยูเนสโกเคยมอบรางวัลให้แก่โครงการอนุรักษ์ดีเด่นในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง โดยครอบคลุมตั้งแต่อาคารที่เป็นวัง คือ โครงการอนุรักษ์พระราชวังเดิม และโครงการอนุรักษ์ตำหนักใหญ่วังเทวเวศน์ กรุงเทพมหานคร อาคารที่เป็นหน่วยงานเช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปจนถึงโครงการอนุรักษ์ชุมชน เช่น วัดสระทอง จังหวัดขอนแก่น ชุมชนอัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งวัดปงสนุกในครั้งนี้

คณะกรรมการตัดสินรางวัลประจำปี พ.ศ.2551 ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วภูมิภาคพิจารณาการอนุรักษ์วัดปงสนุกโดยให้การยกย่องอย่างสูง ผมใคร่ขออนุญาตนำบางส่วนของคำตัดสินมาถ่ายทอดแก่ทุกท่านดังนี้

อาจเรียกได้ว่าโครงการอนุรักษ์วัดปงสนุก เมืองลำปาง เป็นดังต้นแบบโครงการอนุรักษ์ที่นำโดยคนในชุมชน ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจในการสงวนรักษาวัดแบบล้านนาอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานอนุรักษ์วัดปงสนุกดำเนินการขึ้นอย่างละเอียดอ่อน โดยก่อให้เกิดการฟื้นฟูองค์ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมโบราณและเทคนิคการตกแต่งประดับประดาแบบดั้งเดิม นอกเหนือจากการสนับสนุนกลุ่มผู้มีส่วนร่วม
ในการคุ้มครองวัดแล้ว โครงการอนุรักษ์ดังกล่าวยังได้สร้างความเชื่อมั่นว่าวัดปงสนุกจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของมรดทางวัฒนธรรมของเมืองลำปางและภาคเหนือของประเทศไทยต่อไปอีกนานแสนนาน

นอกจากนี้องค์การยูเนสโกขอยกย่องบทบาทของพระภิกษุสงฆ์ซึ่งก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในโครงการอนุรักษ์ครั้งนี้ เนื่องจากวัดเป็นที่รวบรวมทั้งมรดกทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของคนในชาติ การที่สมณะได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษามรดกดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

สุดท้ายนี้ผมขอแสดงความยินดีกับคณะทำงานโครงการผู้เพียรพยายามปฏิบัติหน้าที่จนประสบความสำเร็จ คณะทำงานฝ่ายอนุรักษ์ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพ ขอแสดงความยินดีกับช่างฝีมือที่ได้แสดงทักษะเชิงช่างพื้นบ้านให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งขอแสดงความยินดีกับชุมชนวัดปงสนุกทุกท่านที่อุทิศแรงกาย แรงใจ สนับสนุนโครงการมาโดยตลอด

หวังว่าโครงการที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับโครงการอนุรักษ์ซึ่งจะตามมาในดินแดนล้านนา เป็นต้นแบบให้ฝ่ายสงฆ์และฆราวาสในชุมชนซึ่งมีวัดโบราณในพื้นที่อื่นๆ ได้ใช้เป็นตัวอย่างต่อไปขอมอบรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคขององค์การยูเนสโก ให้แก่วัดปงสนุก และขอแสดงความยินดีอีกครั้ง ขอบคุณครับ
..................
ได้ทำการแก้ไขคำผิดบางจุด และเน้นบางส่วนนะครับ

ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

ศุกร์ 21
พฤศจิกา 51

Tuesday, November 11, 2008

กำหนดการ "งานล่องสะเปาจาวละกอน" ประจำปี 2551








ที่มา :
http://www.lampang.go.th/publish51/longsapao.gif

กำหนดการ "งานล่องสะเปาจาวละกอน" ประจำปี 2551
11-13 พฤศจิกายน 2551
โดย เทศบาลนครลำปาง


11 พฤศจิกา
-กรรมการให้คะแนนการประกวดซุ้มประตูป่า

12 พฤศจิกา : ประกวดสะเปาเล็กและอื่นๆ
บริเวณถ.วังเหนือด้านวัดประตูต้นผึ้ง
06.00 น. พิธีตักบาตรเป็งพุธ
07.00 น. กาดมั่วคัวงายและกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม
08.30 น.
-แข่งขันการประดิษฐ์สะเปา(กระทงรูปเรือสำเภา)ฝีมือนักเรียนและประชาชน
-แข่งขันประดิษฐ์โคมศรีล้านนา
16.30 น. มอบรางวัลบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำวัง ใกล้เขื่อนยาง
18.00 น. แสดงดนตรี-นาฏศิลป์
19.30 น. ปล่อยสะเปาลอยน้ำจากท่าน้ำบ้านเชียงราย(หลังโรงพยาบาลแวนแซนวูร์ด)
20.30 น. พิธีมอบรางวัลประกวดสะเปาลอยน้ำ

13 พฤศจิกา : ประกวดสะเปารถใหญ่
13.00 น. หน่วยงานต่างๆส่งสะเปารถจัดขบวนตั้งแต่สามแยกเก๊าจาวไปตามถ.ท่าคราวน้อย
18.00 น. ขบวนสะเปาใหญ่เคลื่อนขบวนผ่านร้านเยื้อนสยาม ถ.ประสานไมตรี ถ.ฉัตรไชย
20.00 น.
-การแสดงนาฏศิลป์นานาชาติ บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา
-พิธีมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดซุ้มประตูป่า ขบวนสะเปารถใหญ่ ณ ปะรำหน้าข่วงนคร
-ขบวนรถสะเปาใหญ่ผ่านหน้าปะรำเข้าถ.บุญวาทย์ และสิ้นสุด ณ สี่แยกวัดบุญวาทย์วิหาร
......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง


อังคาร 11
พฤศจิกา 51

งาน Lampang Cowboys & Indians Festival 1st ( ลำปาง คาวบอย & อินเดี้ยน ครั้งที่ 1 ) ปลายพฤศจิกานี้


โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน
ที่มา :
http://www.northermc.com/webboard?id=671427&cat_w=&lang=th


แผนที่จัดงาน
ที่มา :
http://www.northermc.com/webboard?id=671427&cat_w=&lang=th

ประชาสัมพันธ์ งาน Lampang Cowboys & Indians Festival 1st ( ลำปาง คาวบอย & อินเดี้ยน ครั้งที่ 1 )

กลุ่ม NORTHER ( นอร์ทเธอร์ ลำปาง ), กลุ่ม Iron Horse และ สมาคมรถม้าจังหวัด ลำปาง ร่วมกับ สโมสรผู้ค้าผลิตภัณฑ์ คาวบอย อินเดี้ยน แห่งประเทศไทย ร่วมจัด กิจกรรม

งาน Lampang Cowboys & Indians Festival 1st
ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2551 จนถึง วันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2551 ( รวม 5วัน 5 คืน )
สถานที่จัดงาน ลานอเนกประสงค์ ห้าง เทสโก้ โลตัส สาขา ลำปาง ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ลำปาง - เชียงราย

วัตถุประสงค์ การจัดงานครั้งนี้เพื่อ
1.จัดหารายได้มอบให้แก่ มูลนิธิผู้ช่วยคนโรคเรื้อน จ.ลำปางในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธานโดยตำแหน่ง
2.จัดหารายได้มอบให้แก่ สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง เพื่อใช้ในกิจกรรมของสมาคม ต่อไป
3.สืบสาน ส่งเสริมอาชีพ – รถม้า ให้อยู่คู่ จ.ลำปาง (เมืองรถม้า) สืบไป
4.ส่งเสริม และ ประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง
5.ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ เซรามิค และ งานแกะสลักที่มีอยู่ในท้องถิ่น จังหวัด ลำปาง
6.ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ศิลปะ หัตถกรรมแนว คาวบอย-อินเดี้ยน ที่ดีมีคุณภาพ โดยฝีมือคนไทย ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
7.ส่งผลดี ในด้าน เศรษฐกิจโดยภาพรวม ของจังหวัดลำปาง
8.ส่งเสริม รายได้ แก่ พ่อค้า แม่ค้า ที่จำหน่ายสินค้า-อาหาร ภายในงาน
9.ให้กิจกรรมจัดต่อเนื่องเป็นประเพณี ประจำปี ต่อไปรูปแบบการจัดงาน กิจกรรมในครั้งนี้ ถือครั้งแรกของจังหวัด ลำปาง

ในบริเวณสถานที่จัดงาน จะจัดให้เป็นหมู่บ้าน คาวบอย และหมู่บ้าน อินเดียนแดงจำลอง ที่เหมือนจริงที่สุดที่เคยทำมา และ จะมีการแสดงที่ต่อเนื่องตลอดทั้งคืน สลับผลัดเปลี่ยนกับการแสดงดนตรี คันทรี่ ประกวด คาวบอย และ คาวเกิล (Cowboy & Cowgirl) และกิจกรรม อื่น ๆ บนเวทีใหญ่

และ ทางสมาคมรถม้าลำปาง ซึ่งเป็น กลุ่มคนคาวบอยอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นเจ้าบ้าน ร่วมแสดงพลัง ต้อนรับ กลุ่มคาวบอยต่างถิ่นที่มาร่วมงานในครั้งนี้ รวมถึงจัดส่วนพื้นที่นิทรรศการให้ความรู้ เกี่ยวกับประวัติ และ ความเป็นมา ของ รถม้า ลำปาง

ในบริเวณงานให้มีการจัดตั้งซุ้มจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มคาวบอยท้องถิ่นและต่างถิ่น เกมส์การละเล่น แข่งขันในรูปแบบคาวบอยตะวันตก ชิงของรางวัล ซุ้มจำหน่าย อาหาร และ เครื่องดื่ม ซุ้มผลิตภัณฑ์เซรามิค คาวบอย ซุ้มผลิตภัณฑ์ งานแกะสลักคาวบอย

เริ่มตั้งแต่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 จนถึง 2 ธันวาคม 2551 รวม5 คืน ติดต่อกัน
เริ่มเวลา 17:00 น. – 23:00 น. ของทุกวัน ( เข้าชมงานฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าผ่านประตู )

จึงขอเรียนเชิญผู้มีใจที่รักในการเป็น Cowboy หรือ Indian ในวิถีชีวิตคาวบอย ตะวันตก เข้าร่วมงานครับส่วนท่านใดสนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมโดยการออกร้านเพื่อขายสินค้าประเภท Cowboys , Indians และ เครื่องหนัง ฯลฯ ที่เกี่ยวกับ Cowboys & Indians

สามารถติดต่อจองบู๊ตได้ที่
พี่ หนุ่ม (Country Shop) โทร. 089-009-8989 , 084-133-3553
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
พี่ต้น Indian (Silver Arrows) โทร.081-627-8463 / เก่ง Norther MC. โทร.089-853-7585 / มด Norther MC. โทร.086-731-3370 / น้อย Iron Horse โทร 084-6142364



ข้อมูลจาก
เว็บบอร์ด Northerลำปาง
กระทู้ "ประชาสัมพันธ์ งาน Lampang Cowboys & Indians Festival 1st ( ลำปาง คาวบอย & อินเดี้ยน ครั้งที่ 1 ) "
http://www.northermc.com/webboard?id=671427&cat_w=&lang=th
.....................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

อังคาร 11
พฤศจิกา 51

Friday, November 7, 2008

งานมอบรางวัลการอนุรักษ์ มรดกศิลปวัฒนธรรม จาก UNESCO แด่วัดปงสนุก ลำปาง


บัตรเชิญร่วมงาน
ที่มา : ผศ.วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่



วิหารวัดปงสนุก ต.เวียงเหนือ อ.เมือง ลำปาง คว้ารางวัล 2008 UNESCO Asia-Pacific Heritage Award ประเภท Award of Merit จาก UNESCO
ที่มา : http://www.unescobkk.org/index.php?id=8109



กำหนดการงานมอบรางวัลการอนุรักษ์ มรดกศิลปวัฒนธรรม
2008 UNESCO Asia-Pacific Heritage Awards
วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนุก ลำปาง
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2551
ณ วัดปงสนุกด้านเหนือ อ.เมือง ลำปาง

16.00 น. แขกผู้มีเกียรติลงทะเบียน
16.30 น. เชิญแขกเข้าสู่พระวิหาร
16.35 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
16.50 น. การบรรยายโดย Dr. Richard EngelhardtSenior
Advisor to the UNESCO Assistant Director General for Culture
17.30 น. เชิญแขกขึ้นบนม่อนดอย ( วัดบน )
18.00 น. นายชาติชาย ตุลาพันธุ์ ประธานโครงการอนุรักษ์ฯ กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ
18.09 น. Dr. Richard Engelhardt ถวาย รางวัลการอนุรักษ์ มรดกศิลปวัฒนธรรม 2008 UNESCO Asia – Pacific Heritage Awards for Culture Heritage Conservation แด่พระครูโสภิตขันตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดปงสนุกด้านเหนือ
- พระสงฆ์ทั้งหมดสวดเจริญชัยมงคลคาถา
- นางสาวแอนเจล่า ศรีสมวงศ์วัฒนา ตัวแทนคณะทำงานกล่าวเกี่ยวกับรางวัลและขอบคุณ UNESCO
- มอบเกียรติบัตรแด่ผู้ให้การสนับสนุนการอนุรักษ์วิหารพระเจ้าพันองค์
- ปล่อยโคมลอยและชมการแสดง- รับประทานอาหาร (กาดมั่ว)
...................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง


ศุกร์ 7
พฤศจิกา 51

Friday, October 24, 2008

ชมละครเวทีฝีมือละอ่อนลำปาง "ละคร ณ หนา"


โลโก้ สถาบันสอนศิลปะการละคร ณ หนา
ที่มาภาพ : http://nanahdramatic.hi5.com/


โปสเตอร์ละครเวทีเก่า "เพราะพรุ่งนี้...จะไม่มีฉันแล้ว The Musical" เคยเปิดแสดงเมื่อเดือนเมษายน และพฤษภาคมปีนี้
ที่มาภาพ : http://nanahdramatic.hi5.com


โปสเตอร์ละครเวทีเก่า "หฤหรรษ์ วันวิวาห์" เคยเปิดแสดงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม(ไม่ทราบปี)
ที่มาภาพ :
http://nanahdramatic.hi5.com

ใครจะรู้บ้างว่าในเมืองที่ไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างลำปางก็มีคนที่ซุ่มทำงานศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะการแสดงที่อย่าว่าแต่ในลำปางเลย ในเมืองไทยเอง นอกจากกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆอย่างเชียงใหม่แล้ว คุณไม่สามารถหาโอกาสได้เสพซับได้ง่ายๆเลย

พื้นที่ทางศิลปะกำลังขยายตัวไปพร้อมๆกับ การขยายตัวของคนทำงานศิลปะ การเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสสร้างสรรค์ใหม่ๆนั่นเอง
....................
สถาบันศิลปะการละคร ณ หนา (Nanah Dramatic Academy)
โดย ครูเอ็มณ์ (ภูวณ์ต้นน้ำ พันลา)

วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม 2551

ขอเชิญทุกท่านร่วมชมผลงานการแสดง“ละครเวทีสั้น3เรื่อง”ของเด็กนักเรียนการแสดง ณ หนา

เรื่องแรก “เพ้อ” โดย (ฮาร์ป) พนิวรรณ นิระสุ และ (แคส) สิทธิภพ ไทยอุทัย
เรื่องที่สอง“คลั่ง” โดย (เมย์) เมธาวี วิริยา และ (บอมส์) กันตพล เลิศล้ำสกุลการ
เรื่องสุดท้าย “เพราะพรุ่งนี้..จะไม่มีฉันแล้ว” โดย (หนึ่ง) ธัญวรัตม์ เทพสิทธิ์!!!

ชมฟรี !!! รอบแรกเวลา 17.00-18.00น.
และ รอบสองเวลา 18.00-19.00น.
J-White Studio ชั้น2 ร้านเจ๊ไวท์นมสด(ตรงข้ามห้างเสรีฯ)

#####เพียง20ท่านต่อรอบเท่านั้น โทรจองได้ก่อนที่เบอร์ 086 054 0766 #####
...................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง
ศุกร์ 24
ตุลา 51

Thursday, October 9, 2008

ตัวอย่างหนังสือ "สองฟากแม่น้ำวังฯ"


ลักษณะรูปเล่ม โดย ศักดิ์สิทธิ์ คำหลวง


บทความแนะนำหนังสือ ลงในนิตยสาร Lanna : Life & Leisure โดย ศักดิ์สิทธิ์ คำหลวง


ปกหน้าและปกหลัง โดย ศักดิ์สิทธิ์ คำหลวง
"2ฟากแม่วัง 2ฝั่งนครลำปาง" หนังสือรวมบทความ โดยมี อ.ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น เป็นบรรณาธิการ ภายในเล่มเป็นการรวบรวมบทความที่เล่าถึงเมืองเก่าลำปางในมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย

หนังสือเล่มนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลนครลำปาง บางส่วนได้นำเสนอไปแล้วในการเสวนาที่ผ่านมา

ก่อนที่จะได้ยลโฉมฉบับจริง เราได้ขออนุญาตบรรณาธิการเพื่อเอาหน้าตาของหนังสือมาให้ดูกันก่อนครับ

ผู้จัดทำหนังสือเล่าว่าจะแล้วเสร็จและทยอยเผยแพร่ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนครับ ใครที่ไปร่วมงานเสวนา จะได้สิทธิ์รับหนังสือ(เห็นว่าจะมีหางบัตรจากงานเสวนาดังกล่าวให้นำไปแลกได้)

คาดว่าเทศบาลนครลำปางจะทำการเปิดตัวหนังสือ และแจกจ่ายเผยแพร่ในโอกาสต่อไป

ผู้สื่อข่าว
on Lampang:
เปิดโลกลำปาง

ศุกร์ 9
ตุลา 51

Friday, September 19, 2008

เก็บบรรยากาศงานเสวนา "เมืองเก่านครลำปางฯ" มาฝาก


พิธีเปิดโดย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายดิเรก ก้อนกลีบ
ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น



บรรยากาศการสัมมนา
ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น


การบรรยายเรื่อง “เมืองเก่าลำปางกับโจทย์ว่าด้วยวิกฤตความเป็นตัวของตัวเอง”
โดย คุณภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์

ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น


การบรรยายเรื่อง “พระธาตุหลวงเวียงลำพางกับพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์สำนักสีหล”
โดย ศาสตราจารย์สุรพล ดำริห์กุล คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น


การบรรยายเรื่อง “รถไฟ รถม้า รัษฎา นาฬิกา”
โดย คุณชัยวัฒน์ ศุภดิลกลักษณ์ อดีตผู้จัดการสินเชื่อพิเศษจังหวัดลำปาง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)



การบรรยายเรื่อง “วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนุก ลำปาง”
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น



การเสวนาเรื่อง “เมื่อไหร่ลำปางจะมีหอศิลป์ ?” โดย
1. ดร.นิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง
2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประสงค์ แสงแก้ว คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
3. คุณอนุศิษฏ์ ภูวเศรษฐ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน กลุ่มที่ 1
4. คุณปรารถนา หาญเมธี ดำเนินรายการ
ที่มาภาพ : ไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น



การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่อง "เมื่อไหร่ลำปางจะมีหอศิลป์ฯ"
ในภาพคือ อ.มงคล ถูกนึก จาก โรงเรียนลำปางกัลยาณี

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า จะมีการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง
“เมืองเก่า นครลำปาง : ประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม”
ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2551 เวลา 8.00-16.30 น.

ณ ห้องประชุม 5 ธันวา ชั้น 4 อาคารสำนักการช่างและกองคลัง สำนักงานเทศบาลนครลำปาง จัดโดย ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. ลำปาง ร่วมกับ เทศบาลนครลำปาง และกลุ่มลูกหลานสืบสายสกุลเจ้าเจ็ดตน

ภาพด้านบนเป็นบรรยากาศของงานสัมมนาที่ผ่านมา

ส่วนข้อสรุปของงานสัมมนาครั้งนี้ นอกจากการนำเสนอบทความวิชาการแล้วที่สำคัญก็คือการตั้งคำถามถึงหอศิลปวัฒนธรรมนครลำปาง และทำให้เรื่องนี้กลับมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงสาธารณะกันอีกครั้ง หลังจากที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจางหายไป

การสัมมนาครั้งนี้ยังมีคุณูปการที่สำคัญในการที่นำไปสู่การหารือเรื่องนี้อีกครั้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ที่มีได้นัดประชุมร่วมกับ ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (ที่รับผิดชอบมิวเซียมสยาม) ผ่านการประสานงานโดย คุณอนุศิษฏ์ ภูวเศรษฐ ในวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 5 ธันวา เทศบาลนครลำปางนั่นเอง ในวันดังกล่าวนอกจากจะหารือเรื่องความเป็นไปได้ในการจัดตั้งหอศิลปวัฒนธรรมนครลำปางแล้ว ยังมีการไปเยี่ยมชมบริเวณศาลากลางจังหวัดหลังเดิม และบริเวณศาลาประชาคมด้วย

จากการดำเนินการดังกล่าวมีแนวโน้มที่เชื่อได้ว่า ผู้ว่าฯดิเรก ก้อนกลีบ เห็นด้วยกับการจัดตั้ง หอศิลปวัฒนธรรมนครลำปาง ในรายละเอียด ความคืบหน้าเราจะนำมาเสนอต่อไป

อนึ่งงานสัมมนาวิชาการนี้ หัวข้อทั้งหมดได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ "2ฟากแม่วัง 2ฝั่งนครลำปาง" ที่จะตีพิมพ์แล้วเสร็จประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้
.......................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

ศุกร์ 19

กันยา 51

Friday, September 5, 2008

วัดปงสนุก คว้ารางวัล UNESCO ประเภท Award of Merit


วิหารพระเจ้าพันองค์ก่อนบูรณะ ไม่ทราบปีพ.ศ.
ที่มา :
http://intranet.m-culture.go.th/lampang/Information/ancient/bo10.html


โลโก้รางวัล UNESCO Asia-Pacific Heritage for Cultural Heritage Conservation

ขอแสดงความยินดีกับการที่ วัดปงสนุก ต.เวียงเหนือ อ.เมือง ลำปาง คว้ารางวัล 2008 UNESCO Asia-Pacific Heritage Award

ข้อความที่ประกาศอยู่ในหน้าเว็บเพจของ UNESCO สาขากรุงเทพฯ มีดังนี้


Wat Pongsanuk, Lampang, Thailand

The restoration of Wat Pongsanuk provides an inspirational model of community-led conservation in saving a unique Lanna temple.

The project showcases the collective achievements of the monks and the local residents working in close cooperation with traditional craftspersons, local authorities and academic advisors. The restoration works have been thoughtfully and sensitively carried out, with the revival of traditional building and decorative techniques.

The project has also achieved educational aims in teaching local history, as seen in the thoughtful on-site exhibits and the subtle notations of the earlier building footprint.

By empowering the traditional caretakers of the temple, the restoration project ensures that Wat Pongsanuk can continue to be sustained as a vital part of the cultural heritage of Lampang and northern Thailand for many years to come.

ที่มา : 2008 UNESCO Asia-Pacific Heritage Award Winners
http://www.unescobkk.org/index.php?id=8109



หน้าตาเว็บไซต์ UNESCO สาขากรุงเทพฯ ของไทยที่ได้ก็มีอีกสองแห่งคือที่อัมพวา สมุทรสงคราม และอาคารสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ฉะเชิงเทรา

มีเพื่อนชาวลำปางชื่อ คุณณัฐพล โอมอภิญญาณ ช่วยแปลให้ครับ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ แต่กระนั้นความรับผิดชอบของเนื้อหาทั้งหมดอยู่ที่บรรณาธิการแต่เพียงผู้เดียวครับ

วัดปงสนุก, ลำปาง ประเทศไทย


การบูรณปฏิสังขรณ์ วัดปงสนุก เป็นแบบอย่างหนึ่งของการสร้างแรงจูงใจทางด้านการอนุรักษ์โดยชุมชน ในการรักษาวัดล้านนาโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

โครงการนี้ได้เสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงอนุรักษ์ให้กลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่ต่างๆในสังคม เช่น พระสงฆ์ และ ชาวบ้านนั้นเอง ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างช่างฝีมือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และที่ปรึกษาจากสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด การบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้ได้ผ่านการไตร่ตรองอย่างดีและคำนึงถึงความละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในการฟื้นฟูสิ่งปลูกสร้างทางวัฒนธรรม รวมถึงเทคนิคการตกแต่งประดับประดาอาคาร

โครงการนี้ยังเป็นโครงการที่ตรงกับเป้าหมายทางด้านการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์วัฒนธรรมท้องถิ่นจากจดหมายเหตุและพงศาวดารที่สืบค้นได้ในปัจจุบัน

อนึ่งจากการร่วมแรงร่วมใจและการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนในวงกว้างในโครงการฟื้นฟูดังกล่าวนั้น ทำให้มั่นใจได้ว่า วัดปงสนุก จะสามารถดำรงอยู่และสำคัญมาก
ขี้นตามลำดับในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปางซึ่งเป็นจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย


ภาพงานประเพณีตานข้าวสลากหลวง วัดปงสนุกเหนือ 11 ต.ค.50
ที่มาภาพ :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=boatboat&month=10-2007&date=25&group=4&gblog=13
...
เรื่องลำปาง ดังก้องโลกอีกครั้งหนึ่ง ใครรู้ข่าวช่วยส่งต่อๆกันไปด้วยนะครับ
จริงๆแล้ว เทศบาล หรือจังหวัดควรมีส่วนร่วมในการแสดงความยินดีกับรางวัลนี้ พวกเราเห็นว่ายังไงครับ
...
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

ศุกร์ 05
กันยา 51

Thursday, September 4, 2008

งานใหญ่ว่าด้วยของดีจาก "แม่ทะ" ว่าด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การอนุรักษ์ศิลปกรรมทางพุทธศาสนาในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


บรรยากาศหน้างาน บริเวณนิทรรศการงานอนุรักษ์ศิลปกรรมพุทธศิลป์ฯในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


บรรยากาศหน้างาน บริเวณนิทรรศการงานอนุรักษ์ศิลปกรรมพุทธศิลป์ฯในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


การเสวนา โดย อ.วิถี พานิชพันธ์ เรื่อง "พุทธศิลป์ลำปาง"

การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การอนุรักษ์ศิลปกรรมทางพุทธศาสนาในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
ณ วิทยาลัยอินเตอร์เทค จ.ลำปาง โดยศูนย์โบราณคดีภาคเหนือ ม.เชียงใหม่ ร่วมกับ วิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง

ศูนย์โบราณคดีจัดทำโครงการ "โบราณคดีสัญจรสู่ชุมชน" เรื่อง "การอนุรักษ์ศิลปกรรมทางพุทธศาสนาในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง"
เนื่องจากเห็นความสำคัญจากการสำรวจแหล่งโบราณคดีในอ.แม่ทะ แล้วนำไปสู่การค้นพบงานศิลปกรรมที่มีคุณค่าและความสำคัญ
ในแง่ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี ขณะที่ค้นพบ งานศิลปกรรมมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ขาดการดูแลรักษาที่ถูกวิธี
จึงเห็นว่าควรศึกษารูปแบบและความสัมพันธ์ทางงานศิลปกรรม ที่ควบคู่ไปกับการบริการชุมชนให้พระสงฆ์ เยาวชน
และผู้สนใจในเขตอำเภอแม่ทะมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพื่อเน้นความสำคัญกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์จึงดำเนินโครงการดังกล่าว
นำมาสู่การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น

การประชุมครั้งนี้แบ่งเป็นภาคบรรยายและภาคปฏิบัติที่ดึงให้พระสงฆ์ในเขตอ.แม่ทะเข้ามาทำการเรียนรู้การอนุรักษ์เบื้องต้นในอีกโสตหนึ่ง
ในขณะที่การดำเนินงานก็มีการจัดเก็บข้อมูลและทำเป็นระบบทะเบียนและบัญชีโบราณวัตถุที่ส่งมอบให้แก่วัดต่างๆ ทั้งยังทำเอกสาร
ประกอบการประชุมที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ 17 เรื่อง ได้แก่
1. วิหารน้อยแม่ทะ โดย วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์
2. มณฑปปราสาทสถิตสถานแห่งพุทธะ โดย วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ / ฐาปนีย์ เครือระยา*
3. ธรรมาสน์ โดย เธียรชาย อักษรดิษฐ์
4. อาสนะสงฆ์หรือแท่นสังส์ โดย เธียรชาย อักษรดิษฐ์
5. สัตตภัณฑ์ ทิพย์แห่งเขาบริภัณฑ์ทั้ง 7 โดย ฐาปกรณ์ เครือระยา*

6. หีบธัมม์รักษาพระธรรมคำสอน
โดย ฐาปกรณ์ เครือระยา*
7. ผ้าตั้งธรรมหลวง โดย เธียรชาย อักษรดิษฐ์
8.ไม้ประกับธัมม์และไม้บัญชัก โดย จักรพันธ์ ม่วงคร้าม
9. ผ้าห่อคัมภีร์ โดย เธียรชาย อักษรดิษฐ์
10. พระพุทธรูปไม้ โดย เมธี เมธาสิทธิ สุขสำเร็จ
11. จารึกที่ฐานพระพุทธรูปไม้ โดย วีระศักดิ์ ของเดิม*
12. คำจารึกบนพุทธศิลป์แม่ทะ โดย วีระศักดิ์ ของเดิม*
13. ซุ้มไม้แกะสลักประดับบานประตูและหน้าต่าง โดย วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ / ฐาปนีย์ เครือระยา*
14. ซุ้มป่องปิ๋ว สกุลช่างแม่ทะ โดย วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ / ฐาปนีย์ เครือระยา*
15. ขันดอก ในพิธีกรรมทางศาสนา โดย ฐาปกรณ์ เครือระยา*

16. สาเหตุของการเสื่อมสภาพและการอนุรักษ์โบราณวัตถุประเภทต่างๆ
โดย เมธี เมธาสิทธิ สุขสำเร็จ
17. การจัดการภายหลังการอนุรักษ์ โดย ฉัตรแก้ว สิมารักษ์
18. บทสรุป โดย อุษณีย์ ธงไชย
(* คือ ลูกหลานลำปางที่มีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัย)
ซึ่งเอกสารดังกล่าวนับเป็นเอกสารที่แสดงถึงองค์ประกอบของพุทธศิลป์พื้นบ้านได้กว้างขวาง
ในโอกาสต่อไปหากมีโอกาสจะนำเผยแพร่เนื้อหาบางส่วน น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาต่อไป
แต่ในเบื้องต้นคงต้องรอความเห็นชอบจากผู้รับผิดชอบโครงการเสียก่อนครับ
................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง

พฤหัส 4
กันยา 51

Monday, September 1, 2008

เรื่องเล่ารถม้าลำปาง "เก็บตกจาก วารสารคนเมือง พ.ศ.2498"

ด้วยภารกิจบางอย่างทำให้ต้องค้นงานทางเน็ตและนับเป็นเรื่องบังเอิญที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
ที่ได้เจอบทความและรูปภาพเกี่ยวกับ "รถม้า" ในเว็บไซต์ รถไฟไทยดอทคอม
ซึ่งเป็นเว็บไซต์คนรักรถไฟที่รวมสาระความรู้เกี่ยวกับรถไฟทั่วประเทศไทย

ที่ผมไปเจอเป็นกระทู้สาระวิชาการ, ข้อมูลเทคนิค และประวัติศาสตร์
เป็นการโพสต์ที่ตั้งชื่อหัวข้อกระทู้ว่า "ภาพจากอดีต : รถม้าลำปาง"

ผู้ตั้งกระทู้ คือ black_express
ที่โพสต์ไว้เมื่อ 01/05/2008 2:02 pm

โดยนำข้อมูลมาจาก
วารสาร “ คนเมือง ” ฉบับพิเศษรายเดือน
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๔ ประจำเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๘

ขอขอบพระคุณ คุณ black_express มา ณ ที่นี้ครับ
ด้านล่างต่อไปนี้ ผมคัดลอกมาทั้งหมด จะมีการเน้นข้อความที่ผมจะแก้ไขเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ
..........................
สวัสดีครับ...

ช่วงสมัยที่ผมเป็นเด็กโรงเรียนประชาบาลอยู่นั้น ทางพ่อ-แม่ซึ่งเป็นครู ได้บอกรับหนังสือนำมาอ่านหลายหัวชื่อด้วยกัน ทั้งรายเดือน รายปักษ์ พอโตขึ้นมาก็อาศัยหนังสือเหล่านี้แหละครับ เป็นแหล่งหัดอ่าน หัดเขียนนอกเวลาเรียนกันเพลินเชียวล่ะ แต่บางเล่มนั้น ทางบ้านได้บอกรับเป็นสมาชิกตั้งแต่ผมยังไม่เกิด พอย้ายบ้านในภายหลัง หนังสือเหล่านี้ก็พลัดหายไปเป็นเชื้อไฟหุงข้าวไปก็มาก จากฝีมือของยายผม พอหยิบทึ้งเอามาเก็บได้เพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น ไม่อยากเก็บเรื่องราวเก่าๆ ที่น่ารู้เอาไว้ดูคนเดียวครับ

โดยเฉพาะเมื่อผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ ลุงบุญเสริม สาตราภัย อดีตช่างภาพฝีมือเอกชาวเชียงใหม่ ในเวปไซต์ล้านนา เกี่ยวกับภาพเก่าๆ ฝีมือตนเองที่ว่า ไม่หวงห้ามถ้าใครจะเอาภาพเก่าๆ ลงไปเผยแพร่ จะได้รู้ ได้เห็นกันทั่วๆ ไม่จมอยู่ในลิ้นชักโต๊ะตัวเองเท่านั้น ก็คิดว่าจะเจริญรอยตามลุงบุญเสริมอีกสักคนหนึ่ง

( แต่ถ้าใครเอาไปอ้างจดทะเบียนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หาประโยชน์ใส่ตัวเองล่ะก็ ผมขอแช่งให้เจริญลงๆ สติปัญญามืดทึบทุกชาติๆ ไปด้วย ขอบอก )

สำหรับเรื่องน่ารู้ที่ผมเก็บมาเผยแพร่นี้ จะเป็นสารคดีสั้นประกอบภาพ จากวารสารพิเศษรายเดือน " คนเมือง " ช่วงปี พ.ศ.2497 - 2499 ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำไป บางเรื่องก็เคยนำลงในเวปไซต์เราใน version เดิมไปแล้ว เรื่องนี้ก็เช่นกันครับ แต่คิดว่าหลายๆ ท่านอาจเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านนี้ภายหลัง จะได้มีโอกาสได้ชื่นชมอดีตร่วมกันด้วยครับ
.............................
สารคดีสั้นประกอบภาพเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ รถม้าลำปาง ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปแล้วครับ

ในฐานะเป็นยานพาหนะรับนักท่องเที่ยวชมตัวเมืองลำปาง จากการโปรโมทของจังหวัดลำปาง ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้ต่อชีวิตของรถม้าลำปางซึ่งเกือบจะสูญหายตามกาลเวลานั้น ออกไปได้อีก และเป็นเสน่ห์ที่ใครๆ นึกถึง เมื่อกล่าวถึงจังหวัดลำปาง จะต้องนึกภาพรถม้าลำปางอันเป็นเอกลักษณ์ควบคู่ไปด้วยเสมอ

เมื่อปี พ.ศ. 2458 สมัยของเจ้าบุญวาทย์มานิต ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 รถยนต์จากยุโรปได้เข้ามามีอิทธิพลในกรุงเทพฯ บรรดาเจ้าขุนมูลนายต่างก็เปลี่ยนจากรถม้าหันมานิยมใช้รถยนต์กันมาก บทบาทของรถม้า รถลากต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ จึงลดน้อยลง รถม้าจึงได้กระจายออกไปสู่เมืองหลักของภาคต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ แต่ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ผู้ประกอบการรถม้าในเมืองดังกล่าวเลิกกิจการไป คงเหลือแต่จังหวัดลำปางแห่งเดียว

การเข้ามาของรถไฟสายเหนือที่มีจุดหมายปลายทางของการเดินทางสิ้นสุดที่สถานีนครลำปางในขณะนั้น ซึ่งเปิดรับขบวนรถโดยสารครั้งแรก เมื่อเถลิงศก วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2459 หรือวันปีใหม่ไทย ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ในครั้งนั้น มีรถม้าที่เรียกกันว่า รถม้าแท็กซี่ คอยรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าสู่ตัวเมืองลำปาง อันเป็นจุดเชื่อมต่อกับถนนขึ้นไปสู่จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย

กิจการรถม้าได้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเป็นระยะเวลาได้ 34 ปี ได้มีผู้ก่อตั้ง สมาคมล้อเลื่อนจังหวัดลำปาง ขึ้นในปี พ.ศ. 2492 โดยขุนอุทานคดี เป็นผู้ริเริ่มและดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนแรก ที่ได้ร่างกฎระเบียบว่าด้วยสมาคมขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง เข้ามาบริหารงานและได้เปลี่ยนชื่อสมาคมเป็น สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง ( The Horse Carriage In Lampang Province ) และได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนที่สอง

ในปี พ.ศ.2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบเงินให้แก่เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง และได้ขอรับรถม้าเข้าไว้ในความอุปถัมภ์ ให้รัฐบาลช่วยเหลือสมาคมรถม้า และตั้งกองทุนให้สมาคมรถม้าอีก 1 กองทุน

ปัจจุบัน รถม้าลำปางมีประมาณ 70 คัน และวิ่งพานักท่องเที่ยวชมเมือง ทั้งกลางวัน และกลางคืน มีจำนวน 50 คัน และที่พิเศษ คือ รถม้าได้เข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมงาน วันรำลึกประวัติศาสตร์รถม้ารถไฟนครลำปาง พร้อมกับเฉลิมฉลองศตวรรษใหม่ปี ค.ศ.2000 ในวันเถลิงที่ 1 เมษายน พ.ศ.2543 และถือเป็นประเพณีถึงทุกวันนี้ครับ
......................
รถม้าลำปาง*
ภาพและพากษ์โดย วังก์ รัตนานที

[*วารสาร “ คนเมือง ” ฉบับพิเศษรายเดือน ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๔ ประจำเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๘]

ห้าแยกพรหมินทร์ นครลำปาง

คุณ ที่รัก

ผมเชื่อว่าภาพชุด “ รถม้าลำปาง ” ที่คุณอยากได้มานานนักหนาแล้ว ก็คงจะสมใจคุณคราวนี้พร้อมๆ กับจดหมายฉบับนี้เอง เพราะผมได้ส่งมาให้คุณ – แยกซองมากับจดหมายฉบับนี้ และเมื่อผนึกซองภาพชุดส่งมาแล้ว ผมก็คิดได้ว่า – ลำพังแต่เพียงคำอธิบายภาพสั้นๆ คงจะไม่ทำให้คุณรู้จัก “ รถม้าลำปาง ” อย่างพอเพียง ผมจึงจดหมายตามมาอีก – และเชื่อว่าคุณคงได้รับพร้อมภาพชุดที่คุณอยากได้

คุณเคยปรารภอยู่เสมอว่า นครลำปางแปลกกว่าจังหวัดอื่นที่คุณเคยได้เที่ยว , ได้เห็นมาทั่วแล้ว... คุณยังฉงนฉงายไม่หายว่าทำไมที่ลำปางจึงยังคงมี “ รถม้า ” อยู่ได้ ท่ามกลางยานยนต์และล้อเลื่อนสมัยใหม่หลากหลายชนิด และ- ตอนนั้น , ผมก็ตอบคุณไม่ได้...

แต่. เดี๋ยวนี้-ผมบอกคุณได้แล้ว...

“ รถม้าลำปาง ” นั้น เริ่มมีขึ้นเมื่อประมาณ ๔๐ ปีที่แล้วมานี่เอง แต่ที่ยังคงมีอยู่ต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้ ผมอยากจะเรียนว่าเพราะการสืบมรดก-และการสนับสนุนคนถิ่นเดียวกันของชาวลำปางมากกว่าอย่างอื่นใด ที่หมู่บ้านพรหมินทร์และสิงห์ชัยริมฝั่งแม่น้ำวัง- ถิ่นกำเนิดพญาพรหมโวหาร รัตนกวีของลานนาไทย หมู่บ้านทั้งสอง- มีครอบครัวของชาว “ รถม้า ” ตั้งอยู่นับร้อยหลังคาเรือน ทุกบ้านทุกครอบครัวยังชีพด้วย “ รถม้า ” เป็นอาชีพหลัก และสีบมรดกติดต่อกันมาไม่ขาดสาย หมู่บ้านทั้งสองนั้น , หากจะเรียกว่า “ นิคมของชาวรถม้าลำปาง ” ก็เห็นจะได้ รถม้าเป็นล้อเลื่อนของชาวลำปางแท้ๆ และก็เพราะเหตุนั้น , ชาวลำปางจึงสนับสนุนคนถิ่นเดียวกันเต็มที่ ลำปาง , ถึงแม้จะมีสามล้อไม่น้อยกว่าจังหวัดอื่นๆ แต่ขณะเดียวกัน , รถม้าลำปางก็ยังป็นที่นิยมของผู้โดยสารอยู่ จะเห็นได้จาก “ ปริมาณ ” ของรถม้าได้มีมากขึ้นตามวันเวลา จากเรือนสิบเป็นเรือนร้อย – ซึ่งขณะนี้มีถึง ๒๐๐ กว่าคันแล้ว จนกระทั่งทุกวันนี้ , ไม่ว่าจะย่างก้าวไปในย่านชุมนุมชนตรงไหน สถานีรถไฟ , ตลาดสด , โรงภาพยนตร์ และอื่นๆ จึงมีรถม้าจอดรอคอยรับผู้โดยสารอยู่เป็นทิวแถว

ขอเสียเถิด , คุณอย่าได้คิดว่าอาชีพกรรมกรขับรถม้าเป็นงานที่ต่ำทรามเลย มันเป็นสัมมาอาชีวะ – เป็นงานสุจริต และเป็นสมบัติของคนท้องถิ่นแท้ๆ “ รถม้า ” ไม่ได้ล้างผลาญเงินตราต่างประเทศเหมือนรถยนต์ หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ ขณะเดียวกัน , อาชีพรถม้าก็สามารถมีรายได้เลี้ยงครอบครัวให้มีความสุข และส่งบุตรธิดาเข้าศึกษาชั้นสูงได้ไม่น้อยงานอย่างอื่นใด

เมื่อพูดถึง “ นิคมของรถม้าลำปาง ” ผมก็อยากจะบอกคุณว่า – ที่ผมเรียกเช่นนั้นไม่ได้เกินความจริงแต่อย่างใดเลย คุณคิดดูซี , หมู่บ้านพรหมินทร์และสิงห์ชัยซึ่งอยู่แทบฝั่งแม่วังนั้น สองหมู่บ้านนี้มีบ้านนับร้อยครัวเรือน ทุกบ้าน – อย่างน้อยก็มี “ รถม้า ” คันหนึ่ง – ม้าคู่หนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว และด้วยรถคันหนึ่ง – ม้าคู่หนึ่งนั้นเอง ที่ราษฎรสองหมู่บ้านนั้นดำรงชีพอยู่ได้ไม่เดือดร้อน “ นิคมรถม้า ” นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของกรรมกรรถม้าแล้ว ที่นั่น , ยังมีโรงงานสร้างและซ่อมส่วนต่างๆ ของรถม้าขึ้นเอง – จากวัตถุซึ่งหาได้จากท้องถิ่นอีกด้วย “ รถม้า ” จึงอาจเรียกได้สนิทปากว่า เป็นผลิตภัณฑ์ของลำปางแท้ๆ

จาก “ โรงงาน ” กลางนิคมของชาวรถม้านั่นเอง ที่ผลิตและสร้างรถม้าออกวิ่งรับส่งผู้โดยสารคันแล้วคันเล่า และจาก – รถคันหนึ่ง ม้าคู่หนึ่งนั่นแหละ ที่ตระเวนหาเงินรายได้มาเลี้ยงครอบครัว – พ่อแม่ , ลูกเมีย , ได้ตลอดมาและตลอดไป

ด้วยเหตุที่ “ รถม้า ” มีมาด้วยน้ำมือของคนลำปางแท้ๆ อย่างผมเล่ามาแล้ว จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ชาวลำปางจะสนับสนุน “ สมบัติพื้นบ้าน ” ของเขาอย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งนั่นย่อมหมายรวมไปถึงว่า – จนกระทั่งทุกวันนี้ “ รถม้า ” จึงยังคงมีอยู่ ท่ามกลางยานยนต์สมัยใหม่ และผิดกับท้องถิ่นอื่นๆ ที่สมัยหนึ่งก็เคยมี “ รถม้า ” มาเหมือนกัน แต่บัดนี้ , ไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว

จดหมายฉบับนี้ , ผมอยากจะเขียนให้ละเอียดกว่านี้ , ยาวกว่านี้ – แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่นานนัก , คุณก็จะมาลำปางด้วยตัวเอง... มานั่งรถม้าด้วยตนเอง... ผมจึงคิดว่า , เท่าที่เล่ามาพอสังเขปแล้วนี้ อย่างน้อยที่สุดก็คงพอช่วยให้คุณรู้จัก “ รถม้าลำปาง ” ขึ้นมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ ?

ผมจะรอคอยวันที่คุณจะมาถึงอยู่เสมอ และนอกจากนั้น , เป็นอันหวังได้ว่า ทันทีที่คุณเหยียบชานชาลาสถานีนครลำปาง “ รถม้า ” ก็ได้เทียบคอยคุณอยู่ด้วย เพื่อนำเรามาพบกันดังที่ใจเราปรารถนา

เหมือนเคยตลอดไป
เพื่อนสนิทของคุณ
.......................

ที่ลำปางในปัจจุบัน ( หรือเขลางคนครในอดีต ) ทุกหนทุกแห่งบนท้องถนน ทั้งคนท้องถิ่นและอาคันตุกะไม่มีวันจะหลีกรถม้าได้พ้น ไม่ว่าจะเป็นตรอก , ซอก , ซอย , หรือถนนใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งสถานีรถไฟ , ตลาดสด , และโรงภาพยนตร์ อันเป็นย่านชุมนุมชน จะมีรถม้าจอดรอรับผู้โดยสารอยู่เป็นทิวแถว รถม้าจึงได้กลายเป็น “ สัญลักษณ์ “ อย่างหนึ่งของลำปาง เพราะเกือบจะกล่าวได้ว่าในเมืองไทย , ไม่มีรถม้าที่ไหน “ เหลืออยู่ ” อีกแล้ว


ชีวิตประจำวันของคนรถม้าลำปางเป็นชีวิตที่น่าเห็นใจ เพราะต้อง “ ตื่นก่อนและนอนทีหลัง “ ตามแบบฉบับของผู้ที่เกิดมาเพื่อรับใช้ประชาชน ชาวรถม้าที่นำรถออกตระเวนรับส่งผู้โดยสารเป็นประจำวันนั้น ต้องตื่นแต่ก่อนไก่และต้องนึกถึงท้องของสัตว์คู่ยากก่อนท้องของตัวเอง ฉะนั้นม้าทุกตัวก่อนจะนำไปเทียมรถจะต้องป้อนอาหารให้อิ่ม เพราะม้าก็เช่นเดียวกับกองทัพซึ่งนโปเลียนบอกว่าต้อง “ เดินด้วยท้อง ”


ลำปางก็เหมือนจังหวัดอื่นๆ ที่เจริญแล้วทั้งหลาย มีรถยนต์ ( รถเก๋งโอ่อ่าและจิ๊ปหลังสงคราม ) มีสามล้อ , มีจักรยาน ( ทั้งติดเครื่องและล้อถีบ ) อยู่มากมาย แม้กระนั้นแล้ว “ รถม้า ” ก็ยังเป็นที่นิยมของผู้โดยสารอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะว่า , ชาวลำปางรู้อยู่ท่วมหัวใจว่า รถม้าเป็นสมบัติของท้องถิ่น , เป็นอาชีพของชาวลำปางเอง ที่หมู่บ้านพรหมินทร์และสิงห์ชัยแทบฝั่งแม่วังนั้น เป็นศูนย์กลางของรถม้า ผลิตขึ้นที่นั่น , มีโรงงานซ่อมที่นั่น , และพูดได้ว่าเป็นหมู่บ้าน “ รถม้า ” ล้วนๆ ทุกหลังคาเรือนยังชีพอยู่ด้วย “ รถม้า ” ทั้งนั้น


ออกจากบ้านแต่อรุณไม่ฉาบขอบฟ้า กลับมาก็ย่ำสนธยา โดยที่ทั้งคนขับและม้าต่างก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอดวัน พอกลับถึงบ้าน , เจ้าของก็จะนำ “ นักวิ่งทนที่ไม่มีวันตับแตกตาย ” เดินวนเวียนไปรอบๆ ลานบ้านอันร่มรื่น เพื่อให้รับลมเย็น – จนเหงื่อแห้งแล้วพาไปอาบน้ำ จากนั้นก็ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น – หมดภาระไปวันหนึ่ง รถม้าทุกคันเจ้าของจะมีม้าไว้สองตัวเพื่อสับเปลี่ยนกัน – “ ไอ้ผ่าน ” วิ่งรอบกลางวัน – ตกกลางคืนก็ได้พักและตกเป็นหน้าที่ของ “ ไอ้เมฆ ” ที่จะต้องวิ่งทนแทนบ้าง


ที่บ้านพรหมินทร์และสิงห์ชัย อันเป็นนิคมของชาว “ รถม้า ” ทุกหลังคาเรือนจะมีรถม้าเป็นสมบัติส่วนตัว... มีบ้านแบบไตยวน ( คนเมือง ) เป็นที่พักอาศัย... มีลูกหลานสืบสกุลและรับมรดก “ รถม้า ” ผู้ชายก็ทำหน้าที่สารถี... ผู้หญิงรับภาระทางบ้าน... ที่ยังเด็กและวัยรุ่นก็ช่วยจัดหาอาหารให้ม้า หรือฝึกหัดที่จะรับหน้าที่แทนผู้ใหญ่ต่อไป ด้วยประการฉะนี้เอง , รถม้าลำปางจึงยังคงมีอยู่ – และจะต้องมีอยู่ตลอดไป ผิดกับท้องถิ่นอื่นซึ่งแม้บางครั้งจะเคยมี – แต่บัดนี้แม้แต่ซากก็ไม่มีเหลือแล้ว...

เพราะเหตุที่ “ รถม้า ” ต้องอาศัยแรงม้าจริงๆ ไม่ใช่ “ แรงม้า ” ที่เป็นเครื่องยนต์เยี่ยงรถยนต์สมัยใหม่ ดังนั้น , เมื่อว่างจากงานประจำวันหน้าที่ของ “ คนทางบ้าน ” ก็คือการเตรียมอาหารสำหรับม้าให้พรักพร้อม อาหารประจำอันเปรียบประหนึ่ง “ น้ำมันเชื้อเพลิง ” ของม้ามีฟางแห้งที่หั่นหยาบๆ ผสมกับรำอ่อนคลุกน้ำ เพื่อให้กินสะดวก , ย่อยง่าย , และอิ่มทน งานจัดอาหารม้าประจำวันเช่นนี้ “ คนทางบ้าน ” ซึ่งบางทีก็ลูกหรือหลานก็รับเอาไปจัดเตรียมไว้ไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะเป็น “ หน้าที่ ” อย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน...


กลางหมู่บ้านอันเป็น “ นิคม ” ของรถม้าลำปางนั้น มีโรงงานสร้างและซ่อมรถม้าอยู่เป็นประจำ ส่วนประกอบทุกชิ้นล้วน Made in Lampang ทั้งสิ้น โดยมีนายช่างผู้ชำนาญและผ่านการประกอบอาชีพขับขี่ “ รถม้า ” มาแล้วนับสิบปี เป็นผู้อำนวยการและดำเนินงานสร้าง – ซ่อมส่วนประกอบทุกชิ้นของรถม้าขึ้นมาด้วยมือของเขาเองทั้งสิ้น รถม้าทุกคันที่กระจายอยู่ทั่วเวียงลำปาง รับผู้โดยสารเที่ยวแล้วเที่ยวเล่านับเป็นเวลา ๔๐ ปีเศษมาแล้ว ก็ล้วน “ ผลิต ” จากหมู่บ้านพรหมินทร์และสิงห์ชัยนี่เอง...


เมื่อประกอบเป็นตัวรถแล้ว... มีม้าใหม่ไม่เคยเทียมรถและวิ่งทนมาก่อน ก็จำเป็นต้องฝึกหัดให้มันคุ้นคนและท้องถนนเสียก่อน โดยจัดเทียมรถมีสารถีและผู้โดยสาร ( สมมุติ ) แล้วมีคนจูงบังเหียนพามันออกวิ่งวนเวียนไปตามถนนสายต่างๆ ฝึกกันอยู่เช่นนั้น , วันแล้ววันเล่าจนกว่าม้าจะคุ้นกับ “ งาน ” ของมันและเข้าใจ “ สัญญาณ ” จากนายสารถีเพียงพอ จึงจะออกวิ่งรับส่งผู้โดยสารหากินได้ต่อไป ไม่ใช่ว่ามีม้าเอาเข้าเทียมรถแล้วก็ใช้ได้ ชีวิตของ “ รถม้าลำปาง ” เริ่มต้น และเป็นมาเช่นนี้เอง.
................................
ผู้สื่อข่าว
on Lampang :
เปิดโลกลำปาง
จันทร์ 1
กันยา 51